ระวัง! การทำงานล่วงเวลามากเกินไป ส่งผลร้ายมากกว่าที่คิด

ธุรกิจ, sme, tumtook, โรงพิมพ์แพคเกจจิ้ง, ผลิตสินค้าแพคเกจจิ้ง

เมื่อความกดดันในการทำงานมีมากขึ้น การทำงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นปัญหาที่สามารถพบได้บ่อยในหลายองค์กร แม้ว่าการทำงานล่วงเวลาจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในบางสถานการณ์ แต่หากกลายเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่เป็นประจำตลอดทุกวัน ก็อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและประสิทธิภาพของพนักงานได้เป็นอย่างมาก

สนใจติดต่อผลิตสินค้าแพคเกจจิ้ง และอุปกรณ์ออกบูธ
คลิ๊ก >> Tumtook.com/Addline
Add Line : @Tumtook

ผลเสียของการทำงานล่วงเวลามากเกินไป

  • หลายงานวิจัยได้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการทำงานล่วงเวลากับปัญหาสุขภาพที่รุนแรง องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) พบว่าบุคคลที่ทำงานมากกว่า 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น 35% และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับผู้ที่ทำงานน้อยกว่า
  • นอกจากนี้ การทำงานล่วงเวลามากเกินไปยังเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายด้วย งานวิจัยของ Marianna Virtanen และคณะจากมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ได้ติดตามผู้ที่ทำงานล่วงเวลามากกว่า 11 ชั่วโมงต่อวัน พบว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับผู้ที่ทำงาน 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
  • ผลกระทบดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากความเครียด ความเหนื่อยล้า และการนอนหลับที่ไม่เพียงพออันเป็นผลมาจากการทำงานหนักเกินไป ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระทบ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ
  • นอกเหนือจากผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว การทำงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่องยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน เมื่อร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า ย่อมส่งผลให้ความสามารถในการทำงาน การตัดสินใจ และการคิดวิเคราะห์ลดลง
  • งานวิจัยของ Stanford University ชี้ให้เห็นว่า พนักงานผลิตภาพสูงที่สุดมาจากกลุ่มที่ทำงานน้อยกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มที่ทำงานมากกว่า 55 ชั่วโมงมีผลิตภาพตกลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่าการทำงานมากกว่า 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไม่ได้เพิ่มผลผลิตเลย
  • ความผิดพลาดขณะทำงานเป็นอีกหนึ่งผลกระทบสำคัญ เมื่อพนักงานเหนื่อยล้าเกินไป โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางอาชีพที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
  • การปรับปรุงกระบวนการทำงานและกระจายงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดภาระงานที่หนักเกินไปสำหรับพนักงานแต่ละคน ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทำงานล่วงเวลามากจนเกินไป
  • การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการทำงานก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความจำเป็นในการทำงานล่วงเวลา ระบบอัตโนมัติและเครื่องมือดิจิทัลต่างๆ สามารถทำให้งานบางอย่างเสร็จได้เร็วขึ้นและลดภาระงานของพนักงาน
  • ในบางกรณี การทำงานล่วงเวลาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ องค์กรควรมีการจ่ายค่าตอบแทนหรือให้วันหยุดพักผ่อนชดเชยแก่พนักงาน เพื่อเป็นการรักษาขวัญและกำลังใจ รวมถึงเป็นการชดเชยความเหนื่อยยากที่ต้องทำงานหนักเกินกว่าปกติ
  • การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ส่งเสริมการทำงานล่วงเวลาอย่างมากเกินไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ หัวหน้างานและผู้บริหารควรปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องและไม่กดดันให้พนักงานต้องทำงานหนักจนเกินกำลังความสามารถ

สุดท้ายนี้ การรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการทำงานล่วงเวลาต่อสุขภาพและประสิทธิภาพแก่พนักงานก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความจำเป็นในการรักษาสมดุลชีวิตการทำงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพและผลิตภาพขององค์กรในระยะยาว ปัญหาการทำงานล่วงเวลาเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากผลกระทบร้ายแรงที่อาจตามมาทั้งต่อสุขภาพและประสิทธิภาพของพนักงาน การมีมาตรการจัดการที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาดังกล่าว สร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและส่วนตัวให้แก่พนักงาน และนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน


Tumtook คิดถึงงานพิมพ์ คิดถึงทำถูก

www.Tumtook.com

Comment Box

บทความดีๆที่แนะนำ

การออกแบบกล่องใส่เบเกอรี่ที่ดี จะต้องสร้างความน่าเชื่อถ...

การทำธุรกิจอาหารนั้น การเลือกผลิตแพคเกจจิ้งใส่อาหาร เป็...

ฉลากสินค้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับทุกธุรกิจค้าปล...

ฉลากสินค้า เป็นสิ่งที่หลายๆ ธุรกิจ ใช้เป็นตัวช่วยในการส...