การเริ่มต้นธุรกิจไม่จำเป็นต้องเริ่มจากความพร้อมเสมอไป โดยเฉพาะในยุคที่ใครก็สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ หากมองเห็นโอกาสตรงจุด และกล้าพอที่จะลงมือ อย่างเช่นเรื่องจริงของเจ้าของแบรนด์เครื่องเขียนที่เริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ ว่า “ทำไมปากกาที่เขียนดีๆ ต้องมีราคาแพง?” จากจุดเล็ก ๆ นั้น เธอจึงตัดสินใจตามหาต้นทางของสินค้า และพบว่าต้นทุนปากกาลบได้จากจีนต่ำกว่าท้องตลาดหลายเท่า พร้อมกับความกล้าที่ “โทรไปหา 7-Eleven” ด้วยตัวเอง โดยไม่มีประสบการณ์ในตลาดเครื่องเขียน หรือการค้าปลีกมาก่อน
สารบัญ
Toggleจากแรงบันดาลใจ สู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ KIAN-DA
ในวันที่หลายคนลังเล เธอกลับเริ่มต้นจากการ “ขอลองวางขาย” กับผู้จัดซื้อของ 7-Eleven และด้วยคุณภาพของสินค้า ประกอบกับโอกาสที่ได้รับ แบรนด์ KIAN-DA ก็ได้เปิดตัวด้วย “ปากกาลบได้” ในเดือนมกราคม 2013 แม้ยอดขายปีแรกจะไม่สูง และมีความเสี่ยงที่จะถูกถอดจากเชลฟ์ หากไม่มียอดขายเพียงพอ
กลยุทธ์สร้างแบรนด์ให้รอด – โดยไม่มีทุนการตลาด
สิ่งที่ทำให้ KIAN-DA อยู่รอดในเชลฟ์ได้นานกว่าที่ใครคาด คือการปรับตำแหน่งแบรนด์ (Brand Positioning) ดังนี้:
- เปลี่ยนดีไซน์ให้ “ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย”
- ใช้ชื่อแบรนด์ให้ดู “ญี่ปุ่น” เพราะคนไทยเชื่อในคุณภาพของสินค้าญี่ปุ่น
- ออกแบบ Packaging ให้โดดเด่น เพราะลูกค้าใน 7-Eleven ไม่มีโอกาส “ทดลองใช้”
- ใช้ Social Media เป็นช่องทางรับฟังความคิดเห็นจริงจากลูกค้า ทั้งรีวิว และข้อร้องเรียน
หาโรงงานคู่ค้าอย่างไรให้ได้พาร์ตเนอร์คุณภาพ
การผลิตสินค้าให้มีมาตรฐานไม่ใช่แค่เรื่องต้นทุน แต่คือ “ความเชื่อมั่นของลูกค้า” และเธอก็ใช้ 3 กลยุทธ์สำคัญในการเลือกพาร์ตเนอร์ ได้แก่:
- คัดเลือกโรงงานจากงานแสดงสินค้าระดับโลก
- ขอ Audit Report เพื่อตรวจสอบมาตรฐานโรงงาน
- ทดสอบความรู้ของตัวแทน ถ้าให้คำตอบเชิงเทคนิคได้อย่างละเอียด ถือว่าน่าเชื่อถือ
ผลลัพธ์ของความกล้าและการเรียนรู้
ปัจจุบัน KIAN-DA มียอดขายมากกว่า 800,000 ชิ้น/เดือน มีรายได้หลักร้อยล้านต่อปี และขยายสินค้าจากปากกาไปยังกลุ่มสินค้าหลากหลาย รวมถึงของลิขสิทธิ์การ์ตูนเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยเรียน วัยทำงาน และครอบครัว